วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

วิธีลดโลกร้อน ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน

 ปัจจุบันโลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน ๆ ส่งผลให้คนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านได้นาน ๆ เหมือนแต่ก่อน ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างเช่น แอร์ พัดลม ช่วยเพิ่มความเย็น และยิ่งโลกร้อนขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่า ผู้คนบนโลกยิ่งใช้พลังงานทำลายชั้นบรรยากาศของโลกมากขึ้นเท่านั้น . . . วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีวิธีดี ๆ ในการประหยัดพลังงานทุก ๆ อย่างในชีวิตประจำวันมาฝากกัน มาเริ่มต้นประหยัดพลังงานกันตั้งแต่วันนี้ ทั้งในบ้านไปจนถึงที่ทำงานกันดีกว่าค่ะ เพื่อโลกเราสดใส ไม่ร้อน

           เอ... ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า คุณสามารถช่วยลดโลกร้อนในแต่ละวันอย่างไรได้บ้าง


พลังงานความร้อนและไฟฟ้า

 
            1. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดานบ้าน เพื่อลดความร้อนและทำให้บ้านเย็น

            2. ตั้งตู้เย็นไว้ในที่ที่ใกล้กับประตูหน้าต่าง เพื่อความร้อนที่ระบายออกมาจะได้ไม่สะท้อนกลับไปในห้องครัว และยังช่วยประหยัดไฟอีกด้วย

            3. ในฤดูหนาวควรเปิดหน้าต่างให้ความเย็นเข้ามาในห้องตอนกลางคืน และปิดหน้าต่างตอนเช้า เพื่อให้ความเย็นภายในห้อง ไม่ถูกแทนที่ด้วยความร้อนจากแสงแดดตอนกลางวัน

            4. คุณสามารถลดความร้อนในบ้านได้ถึง 50% หากติดกระจกแบบสองชั้น เพราะจะสามารถกันความร้อนได้ และช่วยคุณประหยัดไฟฟ้าได้อีก

            5. เปิดแอร์ที่ 25 องศาเสมอ เพราะเป็นอุณหภูมิที่สบายที่สุด ที่คุณไม่ต้องนอนห่มผ้าตากแอร์เลย

            6. ติดตั้งระบบไฟฟ้าหมุนเวียนภายในบ้าน

            7. เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเกรด A ที่ไม่กินไฟ

            8. เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ

            9. อย่าใช้เครื่องปั่นผ้าในวันที่ฟ้าใส และแดดจัด เพราะอุณหภูมิของโลก สูงพอจะทำให้ผ้าแห้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงอยู่แล้ว

            10. เสื้อผ้าน้อยชิ้นควรซักเองด้วยมือ ส่วนเครื่องซักผ้าควรใช้ในวันที่มีเสื้อผ้าเต็มตะกร้า

            11. หากคุณต้องเปิดไฟในสวนหน้าบ้านทุกคืน ควรใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ชาร์จพลังงานตอนกลางวัน และเปิดไฟตอนกลางคืน

            12. ถอดสายชาร์จโทรศัพท์มือถือออกจากเบ้าเสียบทุกครั้งที่ชาร์จเสร็จ เพราะมันกินไฟโดยเปล่าประโยชน์

10 วิธีลดภาวะโลกร้อน

ถ้าพูดกันจริงๆ แล้ว สาเหตุหลักของการเกิด ภาวะโลกร้อน นี้ก็ไม่ใช่ใครครับ ก็คือ มนุษย์ครับ ที่เป็นต้นเหตุในการเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และการผลิต ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมไปถึงการเพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัส- ออกไซด์ และคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) เข้าไปในชั้นบรรยากาศ พร้อมๆ กับการตัดไม้ ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง
1455843972_1378281037
และการตัดต้นไม้นี้เอง ทำให้กลไกในการดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง ทำให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากขึ้นนี้ ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในชั้นบรรยากาศของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นภาวะโลกร้อนดังเช่นปัจจุบัน
วันนี้เรามีวิธีดีๆ ที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ด้วยตัวเราเองง่ายๆ จากการไฟฟ้านครหลวงมาฝากกันครับ ที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้อย่างแน่นอน โดยมีวิธีดังนี้เลยครับ
25-1741772-digital tv_fct1024x630x43_t460
1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ ก็ปิดซะ
ลดการใช้พลังงานในบ้าน ด้วยการปิดโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้งาน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 455 กิโลกรัมต่อปี
81270203
2. แค่ปิดคงไม่พอ โหมดสแตนด์บายยังกินไฟอยู่ ถอดปลั๊กจะดีกว่านะ
ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย เครื่องเสียงระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกวิดีโอ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และอุปกรณ์พ่วงต่างๆ ที่ติดมา ด้วยการดึงปลั๊กออก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงอุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติ
Leuchtstofflampen-chtaube050409
3. หลอดไส้เปลืองไฟน่าดู ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ดีกว่า
เปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้ เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ 1 ดวง จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 68 กิโลกรัมต่อปี แถมยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานอีกด้วย เงินในกระเป๋าคุณเหลือเยอะขึ้นเลยล่ะ
refrigerator-stainless-french-door-kitchenaid_6f5d3224f560e29876c201a14c2a82c0_3x2
4. ใช้งานตู้เย็นที่บ้านให้ถูกวิธี
ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็น ด้วยการใช้อย่างฉลาด ไม่นำอาหารร้อนเข้าตู้เย็นทันที ควรรอให้เย็นก่อน หลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ และอย่าลืมละลายน้ำแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจำ เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้ำแข็งเกาะ ควรทำความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์
clothesline
5. อากาศดีๆ ก็เอาเสื้อผ้ามาตากฆ่าเชื้อโรคซะบ้าง
ควรตากเสื้อผ้าที่ซักแล้วให้แห้ง ด้วยแสงแดดธรรมชาติ ช่วยทำลายเชื้อโรค และช่วยประหยัดไฟฟ้าอีกด้วย ไม่ควรใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหากไม่จำเป็น
mtr2004
6. ขี่จักรยาน ประหยัดพลังงาน แถมได้สุขภาพดี
รถยนต์ส่วนตัวจอดไว้ที่บ้านบ้างก็ได้ แล้วออกมาขี่จักรยาน ใช้รถโดยสารประจำทาง หรือเดินเมื่อต้อง ไปทำกิจกรรม หรือธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึงการใช้น้ำมันลดลง และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย เพราะน้ำมันทุกๆ 3.785 ลิตร (1 แกลลอน) ที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ประมาณ 9 กิโลกรัมเลยนะ
Gasohol
7. เติมน้ำมันชีวภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม
เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้นเพื่อลดการใช้พลังงานประเภทน้ำมัน แถมราคาถูกกว่าด้วย
Mirage-ES-Red-Planet-1_1024-620x414
8. eco-car ประหยัดพลังงานช่วยชาติ
เลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดครอบครัว และประโยชน์ในการใช้งาน รวมทั้งเลือกรุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อโลก และตัวคุณเอง
Driving: Driver Ignores Friend with Phone
9. ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน
บ้านใกล้กันไปด้วยกันสิ ร่วมกันประหยัดน้ำมันแบบ Car Pool ช่วยประหยัดน้ำมันและยังเป็นการลดจำนวนรถติดบนถนนช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อม แถมที่สำคัญ ยังได้เพื่อนใหม่ด้วยนะเออ (แต่อย่าเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถนะครับ โดนจับปรับไม่รู้นะ)
drive-slow
10. จะขับรถเร็วไปไหน ขับ 90 ชิวๆ สบายใจกว่า
เผื่อเวลาก่อนออกจากบ้าน ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระยะทางไกล จะช่วยลดการใช้ น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตัน ต่อรถยนต์แต่ละคัน ที่ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปีเลยนะ

ภาวะโลกร้อน-ก๊าซมีเทน

ก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23?เท่าตัวเลยทีเดียว และก็เป็นก๊าซที่มีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอยู่ในตอนนี้?เป็นข่าวร้ายที่นักวิทยาศาสตร์ได้พบก๊าซมีเทนจำนวนมากมายมหาศาลประมาณ 400,000 ล้านตัน อยู่ภายใต้น้ำแข็งทางแถบเหนือของไซบีเรีย และภาวะโลกร้อนก็กำลังทำให้น้ำแข็งละลาย จึงทำให้ก๊าซมีเทนพวกนี้กำลังค่อยๆถูกปล่อยออกมาทำลายชั้นบรรยากาศของโลกเรา
ก๊าซมีเทนพวกนี้มาจากไหน? ดร.อาจองท่านได้บอกว่า แต่ก่อนบริเวณขั้วโลกเหนือในปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งนั้น ไม่มีน้ำแข็งปกคลุม จึงมีสัตว์และพืชมากมายอาศัยอยู่บริเวณนั้น แต่เกิดเหตุการณ์ที่แกนโลกเปลี่ยนอย่างฉับพลัน จึงทำให้บริเวณนั้นกลายไปเป็นขั้วโลก และอุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว จากประมาณ 20 องศาเซลเซียสขึ้นไป กลายเป็นติดลบกว่า 50 องศาในทันที?สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกแช่แข็งในทันที และเมื่อเวลาผ่านไปน้ำแข็งก็เริ่มปกคลุมหนาขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างที่ให้เห็นก็มีร่างของช้างแมมมอธที่มนุษย์ขุดพบ ถูกน้ำแข็งแช่ไว้จึงไม่เน่า และบางตัวยังมีหญ้าอยู่ในปาก เพราะว่าถูกแช่แข็งในทันทีขณะที่ยังกินอาหารอยู่
เมื่อซากของสิ่งมีชีวิตมากมายถูกฝังไว้ใต้น้ำแข็ง จึงทำให้เกิดก๊าซมีเทนจำนวนมากเกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นมาสู่ผิวโลกไม่ได้เพราะว่าถูกชั้นน้ำแข็งกักเก็บไว้ แต่ปัจจุบันภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเริ่มละลาย ก๊าซมีเทนพวกนี้กำลังค่อยๆถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ และจะเป็นอีกตัวการที่เร่งให้เกิดความรุนแรงของภาวะโลกร้อนที่มากขึ้น
ถ้าพวกเรายังไม่ช่วยกันลดภาวะโลกร้อนตอนที่ยังมีเวลา มนุษย์อย่างเราอาจจะต้องตกอยู่ในสถาณการณ์เดียวกับช้างแมมมอธก็ได้ ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีใครขุดพบคุณถูกแช่แข็งไว้ และก็ยังมีอาหารอยู่ในปากก็เป็นได้?คราวหน้าผมจะเอาเรื่องที่แกนโลกมีโอกาสเปลี่ยนแปลงเพราะภาวะโลกร้อนมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ อันนี้น่ากลัวมากๆ

ภาวะโลกร้อน กับ หมีขั้วโลก

หมีขั้วโลกเป็นราชาแห่งดินแดนน้ำแข็งที่ทุกคนรู้จักกันดี ด้วยความสามารถในการปรับตัวให้อยู่ในที่หนาวเย็นได้ดีและพละกำลังที่มีอย่างมหาศาล หมีขั้วโลกจึงถูกขนานนามว่าเป็นนักล่าแห่งดินแดนน้ำแข็ง แต่ตอนนี้ราชาผู้ยิ่งใหญ่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนนั่นเอง
หมีขั้วโลกใช้เวลากว่า 2 แสนปีในการวิวัฒนาการตัวเองจากหมีสีน้ำตาลกลายมาเป็นหมีขั้วโลกสีขาว และพัฒนาตัวเองให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ๆเต็มไปด้วยน้ำแข็ง คือ มีขนที่อุ้งเท้า นิ้วสั้น เล็บโค้งงอ เหมาะที่จะยึดตัวเองกับน้ำแข็งได้อย่างสบาย และยังมีท่อนขาขนาดใหญ่ เพื่อที่จะเฉลี่ยน้ำหนักอันมหาศาลของตัวมันเอง ทำให้สามารถเดินบนพื้นน้ำแข็งที่บางๆได้ ปัจจุบันหมีขั้วโลกเหลืออยู่บนโลกใบนี้ประมาณ 22,000-27,000 ตัวเท่านั้น
ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายลงอย่างรวดเร็ว หมีขั้วโลกที่ปกติอาศัยอยู่บนพื้นน้ำแข็งก็ทำให้หาแผ่นน้ำแข็งอยู่ได้ยากขึ้น มีหลายครั้งที่หมีขั้วโลกต้องว่ายน้ำเป็นร้อยๆไมล์เพื่อหาอาหาร และหาแผ่นน้ำแข็งเหยียบ ทำให้มีหมีขั้วโลกจมน้ำตายไปแล้วก็มี ด้วยอาหารที่หายากมากขึ้นบวกกับน้ำแข็งที่เป็นที่อยู่ของมันลดน้อยลงอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน หมีขั้วโลกจึงเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก
เรามาช่วยกันลดภาวะโลกร้อนกันเถอะครับ ก่อนที่หมีขั้วโลกและสัตว์อื่นๆจะแย่และสูญพันธุ์ไปมากกว่านี้ ถ้ามีใครมาไล่ที่อยู่ที่เราเคยอาศัยเคยทำกินอยู่เราก็คงเดือนร้อนแน่ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นถ้าช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้ก็ช่วยๆกันนะครับ ถือว่าสงสารเจ้าหมีขั้วโลกและก็สัตว์อื่นๆ ภาพนี้คงอธิบายได้เป็นอย่างดี….
หมีขั้วโลก-ภาวะโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน กับ ขยะ

การที่เราทิ้งขยะทุกประเภทรวมกันโดยไม่แยกนั้น ทำให้ขยะที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ (Reuse) และขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ (Recycle) ถูกทิ้งรวมไปกับขยะเปียกทั้งหลาย และอาจจะไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก และที่อันตรายมากก็คือขยะที่เป็นสารพิษ พวกบรรจุภัณฑ์สารเคมี กระป๋องยาฉีดกันยุง พวกหลอดไฟซึ่งมีสารเคมีฉาบไว้ ถ่านไฟฉาย เหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมมากๆ ถ้าเราเอาทิ้งไปรวมกับขยะอื่นๆโดยที่ไม่แยก สารเคมีก็จะไหลลงสู่พื้นดิน ถ้าถูกเผาก็จะเป็นก๊าซพิษลอยขึ้นไปในอากาศ หรือถ้าถูกฝั่ง กระบวนการย่อยสลายก็จะทำให้เกิดก๊าซพิษลอยขึ้นไปในอากาศ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อนด้วย



ในบ้านเรายังไม่มีกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการแยกขยะ แต่ถ้าเราทุกคนช่วยกันทำก็คงจะดีต่อสิ่งแวดล้อม เวลาจะทิ้งก็ให้เราแยกระหว่าง ขยะเปียก แก้ว พลาสติก และขยะที่เป็นพิษ เวลาเขาเก็บไปจะได้สามารถนำไปกำจัดได้อย่างถูกวิธี
บรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วนอกจากจะดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะว่าสามารถนำมารีไซเคิลได้ นอกจากนั้นยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย เพราะขวดแก้วจะไม่ทำปฏิกิริยาต่อสิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้น ซึ่งหมายความว่ามันดีต่อสุขภาพของเรา และถือว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ของยุคภาวะโลกร้อนเลยทีเดียว
เรามาดูกันว่าอะไรย่อยสลายยากที่สุด
? โฟม 500 – 1,000 ปี
? ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 500 ปี
? ถุงพลาสติก 100 – 450 ปี
? อะลูมิเนียม 80 – 100 ปี
? เครื่องหนัง 25 – 40 ปี
? ก้นบุหรี่ 12 ปี
? ถ้วยกระดาษเคลือบ 5 ปี
? เปลือกส้ม 6 เดือน
? เศษกระดาษ 2 – 5 เดือน

เซลล์แสงอาทิตย์ ช่วยลดโลกร้อน

  เซลล์แสงอาทิตย์ (solar cell) คืออะไร และทำงานอย่างไร 
          เซลล์แสงอาทิตย์ (solar cell ) เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ (หรือแสงจากหลอดแสงสว่าง) ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง และไฟฟ้าที่ได้นั้นจะเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Cuurent) เซลล์แสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาด และไม่สร้างมลภาวะใดๆ ให้กับสิ่งแวดล้อมขณะใช้งาน โดยการนำสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิคอน ซึ่งมีราคาถูกที่สุดและมีมากที่สุดบนพื้นโลก นำมาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ผลิตให้เป็นแผ่นบางบริสุทธิ์  
 
เซลล์แสงอาทิตย์

 วิธีการทำงาน
          เมื่อมีแสงอาทิตย์ตกกระทบเซลล์แสงอาทิตย์ จะเกิดการสร้างพาหะนำไฟฟ้าชนิดประจุลบและประจุบวกขึ้นซึ่งได้แก่ อิเล็กตรอน และ โฮล โครงสร้างรอยต่อ p – n จะทำหน้าที่สร้างสนามไฟฟ้าภายในเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อแยกอิเล็กตรอนให้ไหลไปที่ขั้วลบและแยกโฮลไหลไปที่ขั้วบวก ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าแบบกระแสตรงขึ้นที่ขั้วทั้งสอง 

          เมื่อเราต่อเซลล์แสงอาทิตย์เข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดกระแสตรง ก็จะมีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากเซลล์แสงอาทิตย์เป็นชนิดกระแสตรง ดังนั้น ถ้าผู้ใช้ต้องการนำเซลล์แสงอาทิตย์ไปจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ ต้องต่อเซลล์แสงอาทิตย์เข้ากับอินเวอร์เตอร์ (inverter) ซึ่งเป็นอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าจากกระแสตรงให้เป็นกระแสสลับก่อนที่จะมีการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ ดังกล่าว   

          ถ้าต้องการให้แรงดันไฟฟ้าของระบบฯ มีค่าสูงขึ้นก็ให้นำแผงเซลล์แสงอาทิตย์มาต่ออนุกรมกันและหากต้องการให้กระแสไฟฟ้ามากขึ้นก็จะนำแผงเซลล์แสงอาทิตย์มาต่อขนานกัน ทั้งนี้จะต้องมีความสอดคล้องกับค่ากระแสและแรงดันไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ประกอบระบบฯ ที่นำมาต่อเพื่อใช้งานด้วย 

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

ภาวะโลกร้อน กับนกเเพนกวิน

เมื่อพูดถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ ณ ดินแดนน้ำแข็งแล้วล่ะก็ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเจ้าหมีขั้วโลก และอีกตัวที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือเจ้านกเพนกวิน ที่ใครได้เห็นแล้วก็ต้องตกหลุมรักในความน่ารักของมันอย่างแน่นอน บทความที่แล้วผมได้พูดถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่มีต่อหมีขั้วโลกไปแล้ว ถ้าผมจะไม่พูดถึงผลกระทบที่มีต่อนกเพนกวินเลยก็ดูเหมือนจะขาดอะไรไป เผื่อจะทำให้คนที่ได้อ่านบทความนี้ใจอ่อน และหันมาช่วยลดภาวะโลกร้อนกันมากขึ้นเพื่อเจ้านกเพนกวินที่น่ารักเหล่านี้ รวมไปถึงสัตว์โลกอื่นๆและเผ่าพันธุ์ของเราเองด้วย
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับชีวิตของนกเพนกวินคร่าวๆกันก่อนนะครับ ปัจจุบันเราสามารถพบนกเพนกวินได้เฉพาะบริเวณทวีปแอนตาร์กติกา หมู่เกาะกาลาปากอส และอเมริกาใต้เท่านั้น แต่เมื่อหลายล้านปีก่อนนกเพนกวินเคยอาศัยอยู่ทั่วทุกแห่งบนโลก อาหารของพวกมันก็จะเป็นสัตว์ทะเลต่างๆ เช่น ปลา ปลาหมึก กุ้ง

นกเพนกวินสามารถอดอาหารได้เป็นเดือนๆยามที่ฤดูหนาวมาเยือน เมื่อถึงเวลาขยายพันธุ์ นกเพนกวินตัวเมียจะออกไข่ แต่ตัวผู้เป็นฝ่ายที่ต้องดูแลและกกไข่ โดยจะเอาไข่ซุกไว้ตรงหว่างขาของมันเพื่อให้ความอบอุ่น และจะอยู่แบบนั้นไปอีกหลายเดือนโดยที่ไม่ได้กินอาหาร ส่วนตัวเมียนั้นจะเสียพลังงานจากการที่ต้องออกไข่ จึงทำให้ต้องเดินทางเป็นเดือนๆ ออกไปยังทะเลเพื่อหาอาหาร บางครั้งก็อาจจะไม่ได้กลับมา เพราะว่านกเพนกวินก็มีศัตรูตามธรรมชาติอยู่ เช่นพวกแมวน้ำ หรือบางทีน้ำแข็งละลายมาปิดเส้นทาง ทำให้ต้องเดินทางไกลกว่าเดิม บางตัวก็หมดแรงลงก่อนที่จะถึงทะเล และมันก็จะไม่ได้กลับไปเห็นหน้าลูกของมัน
นกเพนกวินถูกคุกคามจากมนุษย์มานานแล้ว ทั้งการทำประมงที่มากเกินไป ทำให้อาหารของมันหายากขึ้น รวมทั้งการล่านกเพนกวินเพื่อจะเอาไขมัน บวกกับภาวะโลกร้อนที่กำลังส่งผลรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ทวีปแอนตาร์คติกาที่มีนกเพนกวินอาศัยอยู่หลายพันธุ์ จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่าที่อื่นๆบนโลกถึง 5 เท่า เพราะฉะนั้นจึงทำให้ชีวิตของนกเพนกวินเปลี่ยนไป ทั้งเรื่องของอาหารที่น้อยลง การหาคู่ การขยายพันธุ์